ภาษีดอกเบี้ยเงินฝาก
10, Oct 2023
ภาษีดอกเบี้ยเงินฝาก เรื่องง่าย ๆ ที่เจ้าของเงินทุกท่านควรเข้าใจ

เชื่อว่าหลาย ๆ คนที่กำลังอยู่ในช่วงวัยของการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นงานประจำหรือทำธุรกิจส่วนตัว จะต้องมีความตระหนักถึงการเก็บออมเงินไม่มากก็น้อย และคนส่วนใหญ่ก็น่าจะมีบัญชีเงินฝากกับธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นบัญชีออมทรัพย์ หรือบัญชีเงินฝากประจำ เป็นต้น โดยผลตอบแทนที่จะได้รับจากการฝากเงินไว้กับธนาคารก็คือ “ดอกเบี้ยเงินฝาก” แต่หลาย ๆ คนอาจจะยังไม่ทราบมาก่อนว่า ดอกเบี้ยเงินฝากที่ได้เหล่านี้นับเป็นรายได้ประเภทหนึ่งซึ่งจะต้องนำมาคิดคำนวณภาษี และประชาชนมีหน้าที่เสียภาษีดอกเบี้ยเงินฝากในแต่ละปีอีกด้วย

หลายคนอาจจะไม่ค่อยเข้าใจว่า ภาษีประเภทนี้คืออะไร และทำไมถึงต้องเสียด้วย ทั้งนี้ ดอกเบี้ยเงินฝากถูกนับเป็นรายได้อย่างหนึ่งที่บุคคลธรรมดาได้รับจากการฝากเงินในธนาคาร ซึ่งตามกฎหมายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแล้วนั้น ดอกเบี้ยเงินฝากจึงถือเป็นเงินได้ประเภทหนึ่งที่จะต้องนำมาคำนวณกับรายได้ประเภทอื่น ๆ เพื่อเสียภาษีในแต่ละปี บทความนี้ได้นำเอาความรู้เรื่องภาษี และภาษีดอกเบี้ยเงินฝากมาให้ทุกท่านได้ศึกษา ไว้ใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการบริหารจัดการเงินของท่านได้

“ภาษี” ความรู้พื้นฐานที่ควรทำความเข้าใจ

ตามข้อมูลอ้างอิงจากกรมสรรพากรนั้น “ภาษี คือเงินที่รัฐเก็บกับประชาชนที่เป็นบุคคลธรรมดา และผู้ประกอบการที่เป็นนิติบุคคล ห้างร้านบริษัท เพื่อนำรายได้เหล่านั้นมาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ” โดยภาษีสามารถแบ่งออกได้เป็น 5 ประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ โดยในบทความนี้จะพาท่านไปทำความรู้จักกับ 3 ภาษีที่รัฐจัดเก็บได้มากที่สุดเรียงจากน้อยไปมาก

1. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (Personal Income Tax: PIT) เป็นเงินภาษีที่เก็บได้จากบุคคลธรรมดาผู้มีรายได้สุทธิสูงกว่า 150,000 บาทต่อปี โดยรายได้สุทธิหมายถึง รายได้พึงประเมินตลอดทั้งปีภาษี กล่าวคือ รายได้ที่ได้รับตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนธันวาคมในปีภาษีนั้น ๆ หักกับค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนต่าง ๆ โดยประชาชนมีหน้าที่ยื่นแบบประเมินรายได้เพื่อเสียภาษีในแต่ละปีช่วงระหว่างเดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคมในปีถัดไปต่อจากปีภาษี แม้ว่ารายได้จะไม่ถึงเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษีแต่การยื่นแบบภาษีคือหน้าที่ของพลเมืองทุกคนในประเทศที่มีรายได้ ดังนั้นหากหลีกเลี่ยงการยื่นภาษีจะมีโอกาสถูกลงโทษทางกฎหมายได้ ทั้งนี้ภาษีดอกเบี้ยเงินฝากก็ถูกนับรวมอยู่ในภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประเภทที่ 4 ด้วย

ภาษีดอกเบี้ยเงินฝาก

2. ภาษีเงินได้นิติบุคคล (Corporate Income Tax: CIT) เป็นภาษีเงินได้ประเภทหนึ่งที่รัฐเรียกเก็บจากนิติบุคคลตามที่ประมวลรัษฎากร (กฎหมายภาษี) กำหนด โดยคำว่า “นิติบุคคล” คือ บุคคลที่กฎหมายสมมุติขึ้นเพื่อให้มีสิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบตามกฎหมาย โดยผู้แทนของนิติบุคคลสามารถเป็นได้ทั้งหนึ่งคนหรือหลายคนก็ได้ โดยหลักการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลสามารถคำนวณได้จากเงินได้หรือฐานภาษีที่แตกต่างกัน 4 ประเภท ประกอบด้วย กำไรสุทธิ ยอดรายได้ก่อนหักรายจ่าย เงินได้ที่จ่ายจากหรือในประเทศ และการจำหน่ายเงินกำไรออกไปนอกประเทศ โดยผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลคือบริษัทห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามที่กฎหมายให้คำนิยามไว้ในมาตรา 39 แห่งประมวลรัษฎากร

3. ภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value Added Tax: VAT) เป็นภาษีที่เก็บได้จากการขายสินค้าหรือการให้บริการในทุก ๆ ขั้นตอนของการผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าหรือบริการนั้น ๆ ทั้งที่ผลิตภายในและภายนอกประเทศ โดยผู้ที่มีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม คือผู้ประกอบการที่เป็นผู้ผลิตหรือให้บริการ โดยผู้ประกอบการสามารถเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ซื้อสินค้าและผู้ใช้บริการได้ แต่ต้องมีการออกใบกำกับภาษีเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มดังกล่าว นอกจากนี้ยังต้องจัดทำรายงานตามที่กฎหมายกำหนด ประกอบด้วย รายงานภาษีซื้อ รายงานภาษีขาย และรายงานสินค้าและวัตถุดิบ และจะต้องยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีตามที่กฎหมายกำหนดอีกด้วย

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับภาษีดอกเบี้ยเงินฝาก

อย่างที่กล่าวไปก่อนหน้าว่า ภาษีดอกเบี้ยเงินฝากนับเป็นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดารูปแบบหนึ่ง โดยสิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับภาษีประเภทนี้คือ อัตราภาษีสำหรับบุคคลธรรมดาอยู่ที่ 15% ของดอกเบี้ยเงินฝากที่เกิน 20,000 บาทต่อปี ซึ่งหมายความว่า หากผู้ฝากเงินได้รับดอกเบี้ยเงินฝากไม่เกิน 20,000 บาท ก็ไม่เข้าเกณฑ์ต้องจ่ายภาษีประเภทนี้ 

อย่างไรก็ตามบุคคลธรรมดามีหน้าที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดานับจากสิ้นปีภาษี โดยในแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจะต้องระบุจำนวนเงินดอกเบี้ยเงินฝากที่ได้รับในปีภาษีนั้น ๆ ไว้ด้วย หากยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดานับจากสิ้นปีภาษี และระบุจำนวนเงินดอกเบี้ยเงินฝากที่ได้รับในปีภาษีนั้น ๆ ไว้อย่างถูกต้อง ธนาคารพาณิชย์จะเป็นผู้หักภาษี ณ ที่จ่ายจากดอกเบี้ยเงินฝากที่จ่ายให้แก่ลูกค้า และนำส่งภาษีให้กับกรมสรรพากรแทนเจ้าของเงิน แต่หากเจ้าของเงินยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาล่าช้า หรือระบุจำนวนเงินดอกเบี้ยเงินฝากที่ได้รับในปีภาษีนั้น ๆ ไว้ไม่ถูกต้อง จะต้องชำระภาษีด้วยตนเอง โดยนำเงินภาษีไปชำระที่กรมสรรพากร หรือชำระผ่านธนาคารพาณิชย์ที่ฝากเงินอยู่

หวังว่าความรู้ในเรื่องพื้นฐานของภาษี และภาษีดอกเบี้ยเงินฝากที่นำมาให้ทุกท่านได้อ่านกัน จะเป็นประโยชน์ต่อทุกท่านไม่มากก็น้อย และขอย้ำกันอีกครั้งว่า ในฐานะพลเมืองที่ดีของประเทศ การยื่นแบบแสดงเงินได้และการเสียภาษีอย่างถูกต้องเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็นต่อการพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าเป็นอย่างยิ่ง